|
วันที่ 30 กันยายน 2564 ดร.ทวีศักดิ์
ธนเดโชพล รองอธิบดีฝ่ายบำรุงรักษา กรมชลประทาน
เป็นประธานประชุมเพื่อใช้ระบบชลประทานฝั่งตะวันออก เร่งระบายน้ำลงสู่แม่น้ำบางปะกง
และทะเลอ่าวไทย ลดปริมาณน้ำหลากในแม่น้ำเจ้าพระยา โดยมีนายวรวิทย์ บุณยเนตร
ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 11นายธีระพล ตั๊งสมบุญ
ผู้อำนวยการบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา นายยงยส เนียมทรัพย์
รองผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 11 ผู้อำนวยการส่วน ผู้อำนวยการโครงการ
หัวหน้าฝ่าย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ณ
ห้องประชุมโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตใต้
ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล
รองอธิบดีกรมชลประทานเปิดเผยว่า ปัจจุบัน(30ก.ย.64) ที่สถานีวัดน้ำ C.2 จังหวัดนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่านอยู่ในเกณฑ์ 2,683 ลบ.ม./วินาที
และมีปริมาณน้ำหลากจากแม่น้ำสะแกกรังไหลผ่านสถานีวัดน้ำ Ct.19
จังหวัดอุทัยธานี ในอัตรา 393 ลบ.ม./วินาที กรมชลประทาน
ได้บริหารจัดการน้ำด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท
ด้วยการตัดยอดน้ำเข้าระบบคลองชลประทานทั้งสองฝั่งรวม 348 ลบ.ม./วินาที
ทำให้ปัจจุบันมีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ในเกณฑ์ 2,775 ลบ.ม./วินาที
ประกอบกับช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่อ.ลำสนธิ และอ.ไชยบาดาล
จ.ลพบุรี ทำให้มีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ อย่างรวดเร็ว
จนเกือบเต็มความจุอ่างฯ
จึงจำเป็นต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ในอัตรา 1,200 ลบ.ม./วินาที
ซึ่งจะส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านสถานีวัดน้ำอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (C.29A) อยู่ในอัตราประมาณ 2,873 ลบ.ม./วินาที
ทำให้ระดับน้ำตั้งแต่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาและเขื่อนป่าสักเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
กรมชลประทาน
ได้ทำการแจ้งเตือนไปยังพื้นที่ได้รับผลกระทบบริเวณท้ายอ่างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้
เพื่อเป็นการลดปริมาณน้ำลงแม่น้ำเจ้าพระยา
กรมชลประทาน ได้ทำการตัดยอดน้ำเข้าพื้นที่ลุ่มต่ำเจ้าพระยา 2 ฝั่ง แล้วกว่า
133 ล้าน ลบ.ม.พร้อมวางแผนผันน้ำจากแม่น้ำป่าสักส่วนหนึ่งลงคลองระพีพัฒน์
ลงสู่แม่น้ำนครนายก และแม่บางปะกง ก่อนระบายลงสู่อ่าวไทยตามลำดับ
อีกส่วนหนึ่งจะรับน้ำผ่านคลอง13 คลองพระองค์ไชยานุชิต
จากนั้นจะใช้สถานีสูบน้ำแนวคลองชายทะเล เร่งสูบน้ำลงอ่าวไทยต่อไป
|
|