|
วันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน 2564 นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน พร้อมด้วย ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล นายชูชาติ รักจิตร รองอธิบดีกรมชลประทาน นายวรวิทย์ บุณยเนตร ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 11 พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกรมชลประทาน และนายยงยส เนียมทรัพย์ รองผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 11 นายภูวดล คำพุฒ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชลหารพิจิตร สำนักงานชลประทานที่ 11 นายสมศักดิ์ ธิมา ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระองค์ไชยานุชิต และหัวหน้าฝ่าย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ในสังกัดสำนักงานชลประทานที่ 11 ร่วมให้การต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในโอกาสลงพื้นที่ไปตรวจราชการและติดตามแผนป้องกันน้ำท่วม ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยภายหลังการรายงานสถานการณ์น้ำในจังหวัดสมุทรปราการต่อนายกรัฐมนตรีว่า สาเหตุของการเกิดอุทกภัยในครั้งนี้เนื่องจากเกิดฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ระหว่างวันที่ 26-29 สิงหาคม 2564 ปริมาณฝนสะสมย้อนหลัง 3 วัน ที่สถานีคลองสำโรง วัดได้ถึง 228 มิลลิเมตร เฉพาะในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู วัดได้กว่า 200 มิลลิเมตร ประกอบกับช่วงเวลาดังกล่าวมีน้ำทะเลหนุนสูง และเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ทำให้เป็นอุปสรรคในการระบายน้ำ ต่อมาในช่วงวันที่ 27 สิงหาคม - 2 กันยายน 2564 มีฝนตกหนักในพื้นที่เขตหนองจอก วัดปริมาณฝนสะสมได้มากถึง 225 มิลลิเมตร ทำให้คลองลำปลาทิว และคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต มีระดับน้ำสูงขึ้น ในขณะที่ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการยังมีน้ำรอการระบายอยู่ปริมาณมาก ทำให้มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ชุมชน และนาข้าวประมาณ 12,000 ไร่ ระดับน้ำท่วมสูงประมาณ 20 เซนติเมตร
กรมชลประทาน ได้ให้การช่วยเหลือในระยะเร่งด่วนด้วยการเร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่ต่างๆ ระบายน้ำลงสู่ทะเลอ่าวไทย ออกทางปลายคลองชายทะเล ได้แก่ คลองบางปลาร้า คลองบางปลา คลองสุวรรณภูมิ คลองเจริญราษฎร์ คลองด่าน ประตูระบายน้ำ สน.พระยาวิสูตร ประตูระบายน้ำ สน.เทพรังสรรค์ ประตูระบายน้ำชลหารพิจิตร ประตูระบายน้ำชายทะเล นอกจากนี้ ยังได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มบริเวณคลองชายทะเลออกสู่อ่าวไทย เช่น ปตร.นางหงส์ ปตร.ชลหารพิจิตร เพื่อระบายน้ำออกจากพื้นที่จนสถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติ ปัจจุบัน ตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค. - 10 ก.ย. เป็นต้นมา กรมชลประทานได้ดำเนินการระบายน้ำลงทะเลอ่าวไทยรวม 370 ล้าน ลบ.ม. และระบายลงแม่น้ำบางปะกง 130 ล้าน ลบ.ม. ระบายน้ำได้รวมกว่า 500 ล้าน ลบ.ม.
ทั้งนี้ กรมชลประทาน ได้มีแนวทางการป้องกันและบรรเทาปัญหาอุทกภัย โดยในระยะเร่งด่วน ด้วยการทำการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องสูบน้ำทั้งหมด ส่วนในระยะกลาง มีแผนปรับปรุงคลอง 7 สาย ตามแผนหลักการบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ได้แก่ คลองพระองค์ไชยานุชิตคลองปีกกา คลองสำโรง คลองด่าน คลองประเวศน์บุรีรมย์ คลองอุดมชลขจร และคลองชวดพร้าว-เล้าหมู-บางพลีน้อย
|
|